พอดีเมื่อเร็วๆ นี้มีโอกาสที่ต้องได้ไปทำงานที่ Niseko ซึ่งรู้ค่อนข้างกระชั้นชิด เลยต้องมีการวางแผนการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นไปที่ Sapporo และใช้เวลาแว้บกลับมาเที่ยวที่ Tokyo โดยตอนจังหวะและวันที่ต้องเดินทางค่าตั๋วของ JAL มันเริ่มสูงแล้ว และพบว่าจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อยจะได้เป็น First Class เลยตัดสินใจลองจองช่วงที่จะแว้บเที่ยวจาก New Chitose Airport มา Haneda Airport เป็น First Class ดู
Read more: Review: Japan Airlines A350 Domestic First Class CTS-HND / HND-CTSSapporo New Chitose (CTS) to Tokyo Haneda (HND)
Check-in
จริงๆ ตั๋วภายในประเทศของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นอัตโนมัติเกือบหมดแล้วแทบไม่มีคนมาเกี่ยวเลย อย่างหนึ่งที่ควรทราบคือปกติในประเทศที่ไม่ได้บังคับให้คนมีบัตรประชาชน และไม่ได้มีภัยก่อการร้ายอะไร มักจะไม่ได้มีข้อกำหนดในการตรวจ ID เมื่อบินภายในประเทศ (ที่รู้แน่ๆ ทุกวันนี้คือญี่ปุ่นและออสเตรเลีย) เพราะงั้นส่วนใหญ่ประเทศเหล่านี้จะบังคับแค่ว่าต้องมีตั๋วเท่านั้น
ทั้งนี้ที่สนามบิน CTS สำหรับ JAL จะมีเคาน์เตอร์แยกสำหรับผู้โดยสาร First Class, สมาชิก JMB Diamond, JGC Premier (โปรแกรมสะสมไมล์ของ JAL), และสมาชิก oneworld Emerald
นอกเรื่อง: สังเกตว่าจริงๆ มันแยกย่อยสองโปรแกรมชื่อไม่เหมือนกันคือ JAL Mileage Bank (JMB) กับ JAL Global Club (JGC) นะ แต่คงไม่ลงรายละเอียดตรงนี้
โดยหลังจากที่เช็คอินกระเป๋าแล้ว ถัดไปอีกนิดหนึ่งก็จะมีทางเข้าตรวจสัมภาระแยกเฉพาะ หลักเกณฑ์เดียวกันกับเคาน์เตอร์เช็คอิน ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่าเร็ว สะดวก และเป็นส่วนตัวกว่าที่ปกติมาก (ถ่ายรูปมาไม่ได้) และหลังจากออกจากที่ตรวจสัมภาระแล้ว จะมาโผล่ที่ทางเข้าเลานจ์พอดี
Lounge
ปกติเลานจ์ภายในประเทศของ JAL จะมีสองระดับ:
- Sakura Lounge สำหรับผู้โดยสารที่มีตั๋วต่อเครื่องไปต่างประเทศในชั้น Business, สมาชิก JMB Sapphire, JGC หรือสมาชิก oneworld Sapphire
- Diamond Premiere Lounge สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางในประเทศในชั้น First, มีตั๋วต่อเครื่องไปต่างประเทศในชั้น First, สมาชิก JMB Dimond, JGC Premiere หรือสมาชิก oneworld Emerald
นอกเรื่อง: JAL ไม่มีตั๋ว Business Class ในประเทศ แต่จะมีสิ่งที่เรียกว่า Class J ซึ่งจริงๆ มองได้ว่าเป็น Premium Economy มากกว่า คือที่นั่งจะกว้างกว่าหน่อย และมีเครื่องดื่มบริการ แต่บริการบนพื้นจะเหมือน Economy ทุกประการ (และไม่สามารถเข้าเลานจ์ได้)
ซึ่งในส่วนของเลานจ์ บอกเลยว่างั้นๆ คือสวย เงียบ เป็นระเบียบสไตล์ญี่ปุ่น แต่ของกินมีไม่ได้เยอะขนาดนั้น ที่เด่นหน่อยคือมีเก้าอี้นวด
ทั้งนี้ เลานจ์ภายในประเทศยังยกให้ Qantas เป็นเบอร์หนึ่ง ส่วนการบินไทยก็ต้องถือว่าอยู่ลำดับต้นๆ
Boarding / Seat
พอถึงเวลาสักประมาณ 20-30 นาทีก่อนขึ้นเครื่อง ก็เริ่มประกาศขึ้นเครื่อง โดยเริ่มจากผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ไล่ไปตามปกติ ทั้งนี้ข้อสังเกตคือจากสนามบิน CTS เขาร่วม Group 1 กับ Group 2 บอร์ดพร้อมกัน (ถ้าเรียกง่ายๆ ก็คือกลุ่ม First กับ Business รวมกัน)
ที่นั่ง First Class บนเครื่อง A350 มีสองแถว แถวละ 6 ที่นั่ง เรียงเป็นรูปแบบ 2-2-2 โดยรอบนี้ผมนั่งตรงกลางทางขวา 1G
ที่นั่งจะเป็นแบบเอนได้ แต่ไม่ถึงขั้นนอนราบ แล้วก็มีหูฟังตัดเสียงรบกวน, ผ้าห่ม กับรองเท้าแตะให้ ข้อสังเกตอีกอย่างคือมันหมอนรองหลัง (สำหรับคนแก่โดยเฉพาะ?)
Inflight Services / Meal
โดยรวมการบริการจะมีพนักงานดูแล 2 คน บวกกับ Inflight Manager อีก 1 คน ซึ่งเลยนับว่าค่อนข้างเยอะเลยกับการดูแลผู้โดยสาร 12 คน (ซึ่งขนาดแค่นี้ยังดูทำงานกันไม่ค่อยทัน ต้องไปดูลูกเรือ Thai Smile 4 คนทำได้ทุกอย่าง สมกับเป็นการทำงานสไตล์ญี่ปุ่น Work-hard, not smart. (เครดิต ND (นามสมมุติ) กล่าวไว้))
อาหารจะไม่ได้มีให้เลือก ดังนั้นถ้ามีข้อจำกัดอะไรต้องขออาหารพิเศษไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกจุใจมาก ดูเมนูได้ตามนี้ (โดยระหว่างดูเมนูลูกเรือก็เอาผ้าเย็นมาให้)
โดยอาหารก็อร่อยดีตามสไตล์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ที่น่าสนใจคือข้าวมาเป็นห่อ แต่ก็อยู่ในรูปแบบที่สะดวกยกขึ้นมาแล้วใช้ตะเกียบคีบกิน
แล้วก็หลังจากทานอาหารเสร็จ ซึ่งจริงๆ ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ชั่วโมงก่อนเครื่องลง ก็มีเอาขนมกลับแกล้มมาให้อีก (คือส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นคงกินเหล้า ณ จุดจุดนี้)
ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะเวลาไฟลท์จริงๆ ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เราก็เดินทางถึงสนามบิน Tokyo Haneda
Tokyo Haneda (HND) to Sapporo New Chitose (CTS)
ในขากลับอาจจะไม่ลงรายละเอียดมาก เน้นภาพและจงเจาะเฉพาะจุดที่ต่าง
Check-in
เนื่องจากว่าเป็นไฟลท์เช้ามาก และมาเร็ว เลยต้องมีการต่อคิวรอก่อนเข้าโซนของ First Class ซึ่งทุกคนก็เข้าคิวกันได้เรียบร้อยมากสไตล์ญี่ปุ่น และมีแยกสองคิวอย่างชัดเจนระหว่างคนที่จะต้องโหลดกระเป๋ากับไม่โหลด
โดยที่สนามบิน Tokyo Haneda จะต่างไปจากที่ CTS นิดนึงตรงที่ว่าจะเป็นทางเข้าไปเลยที่มีเคาน์เตอร์เช็คอินกับโหลดกระเป๋าแยก แล้วถึงเดินต่อเข้าไปมีตรวจสัมภาระ แล้วไปโผล่ที่หน้าเลานจ์ สรุปคือโดยรวมจะสะดวกและเป็นส่วนตัวกว่าของที่ CTS เข้าไปอีก
Lounge
เลานจ์ที่ HND ไม่มีอะไรต่างจากที่ CTS เท่าไหร่ โดยรวมแค่ว่ากว้างกว่าเพราะอาจด้วยจำนวนผู้โดยสาร แต่อาหารก็จะเหมือนๆ กัน (ยังสู้ Qantas หรือแม้แต่การบินไทยในประเทศไม่ได้)
ระหว่างอยู่ที่เลานจ์ก็มีโอกาสได้ถ่ายรูปนี้
Boarding / Seat
ตรงจุดนี้แทบไม่มีอะไรต่าง ข้อสังเกตมีแค่ว่าที่ HND จะแยกบอร์ด First Class (Group 1) ก่อน Business Class (Group 2)
Inflight Services / Meal
อาหารจะเป็นอีกเมนูหนึ่ง ตามภาพนี้ นอกเหนือจากนั้นการบริการกับที่นั่งเหมือนเดิมทุกประการ คราวนี้นั่งเป็น 1K ริมหน้าต่าง
สรุป
โดยรวมก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ และถ้าราคาไม่ต่างกับ Economy มากก็อาจจะน่าสนใจ แต่คิดว่าอาจจะไม่ได้คุ้มเงินขนาดนั้น เพราะไฟลท์มันสั้นมาก (ยิ่งถ้ามีสถานะ oneworld Sapphire หรือ Emerald สำหรับรับบริการอื่นๆ บนภาคพื้นอยู่แล้วอาจจะยิ่งไม่คุ้ม)